วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชิวาวา

ชิวาวา (Chihuahua)

น้องหมาตัวจิ๋ว ขนาดกะทัดรัด ฉลาดและร่าเริง

{pic-alt} ลักษณะทั่วไป

ชิวาวา เป็นสุนัขขนาดเล็ก ถือว่าตัวเล็กที่สุดในโลก!! หูมีขนาดใหญ่ ดวงตากลมโต เหมาะที่จะใช้เลี้ยงเป็นเพื่อน ชอบออกไปเดินเล่นกับเจ้าของ เห่าเสียงดัง ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าวของ


{pic-alt} ความเป็นมา


ชิวาวาหรือเจ้าชิวาว่ามีต้นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโก ชาวพื้นเมืองนิยมเลี้ยงเพราะมีความเชื่อถือในเรื่องโชคลางต่างๆ จนถึงขั้นมีการนำชิวาวาไปใช้ในพิธีบูชายันต์!!


{pic-alt}

{pic-alt} ลักษณะนิสัย


ฉลาด ร่าเริง ตื่นตัวอยู่เสมอ ติดเจ้าของ


{pic-alt} การดูแล

วงอายุที่ต้องการเอาใจใส่มากที่สุดในการเลี้ยงชิวาวาเพราะสุนัขจะตายมากที่สุดคือช่วงอายุระหว่าง 2-3 เดือน เนื่องจากวัยนี้เป็นช่วงที่สุนัขเพิ่งเริ่มอดนมใหม่ๆ ซึ่งหากลูกสุนัขกินอาหารอะไรที่ผิดไปเพียงนิดเดียว ก็จะส่งผลให้สุนัขท้องเสียได้ โดยถ้าสุนัขตัวไหนไม่มีภูมิต้านทานได้รับเชื้อก็อาจจะถึงตายได้เหมือนกัน แต่หลังจากช่วงอายุ 2-3 เดือนไปแล้ว ก็สามารถที่จะเอาใจใส่น้อยลงได้

แล้ววิธีสังเกตง่ายๆ ว่าสุนัขมีอาการผิดปกตินั้นให้สังเกตจากการที่สุนัขไม่ค่อยกินข้าวหรือกินข้าวน้อยลงก็ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าสุนัขกำลังจะไม่สบาย และส่วนการให้อาหารนั้นผู้เลี้ยงสามารถเลือกซื้ออาหารสุนัขสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดมาให้กับสุนัขกินได้เพียงแต่เลือกให้เหมาะสมกับสุนัขเท่านั้น

ในเรื่องของการออกกำลังกาย ผู้เลี้ยงสามารถปล่อยให้ชิวาวาไปออกกำลังกายได้เองภายในสวนหรือพื้นที่จำกัด แต่ชิวาวาชอบที่จะออกไปเล่นกับเจ้าของมากกว่า

ส่วนเรื่องสุขภาพนั้นโรคที่จะเกิดขึ้นกับชิวาวาก็จะเหมือนกับสุนัขพันธุ์อื่นทั่วๆ ไป ซึ่งโรคที่พบบ่อยคือ โรคลำไส้อักเสบกับไข้หัด สาเหตุของโรคทั้งสองเป็นโรคติดต่อซึ่งหากสุนัขตัวไหนไม่มีการฉีดวัคซีนแล้วไปถูกเชื้อเข้าก็จะติดต่อได้


{pic-alt}


{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

ผู้เลี้ยงชิวาวาต้องมีเวลาพาสุนัขไปออกกำลังกายบ่อยๆ เพื่อควบคุมน้ำหนัก และต้องมีความรอบคอบในการดูแลสุนัข เนื่องจากชิวาวาเป็นสุนัขพันธุ์เล็กหากผู้เลี้ยงไม่มีความระมัดระวังอาจจะเผลอถอยรถเหยียบหรือพลัดหล่นจากมือตกลงมาตายหรือกัดสายไฟถูกไฟช๊อตตายได้ ดังนั้นการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีที่สุดคือการใส่สุนัขไว้ในกรงตลอดเวลา


{pic-alt} ข้อควรจำ


ระวังอย่าให้ศีรษะได้รับการกดหรือการกระแทก เพราะน้องชิวาวามีความเสี่ยงที่กระโหลกหน้าผากจะปิดไม่สนิทแม้จะอยู่ในช่วงโตเต็มวัย นอกจากนี้ ฟันของชิวาวามักมีหินปูนจับบ่อย จึงต้องพาไปหาสัตวแพทย์ ปีละ1-2ครั้ง

{pic-alt}

{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดตัวเล็ก ขนาดกะทัดรัด
ศรีษะหัวกะโหลกกลม แก้มค่อนข้างเล็ก
ฟันขาว แข็งแรง ขบแบบกรรไกร
ปาก-
ตาตากลมโต
หูหูมีขนาดใหญ่ ใบหูตั้งและที่หูมีขนยาว
จมูก-
คอคอกลม หัวไหล่เล็ก ถ้าพันธุ์ขนยาวจะมีขนดก
อก-
ลำตัวความยาวของตัวยาวกว่าความสูง หลังตรง
เอว-
ขาหน้า-
ขาหลังขาหลังตรงไม่บิด ห่างกันพอเหมาะ
เท้าเล็ก นิ้วเท้าเรียงชิด เล็บค่อนข้างยาว
หางหางค่อนข้างยาว โค้งเหมือนเคียว บางตัวอาจจะม้วนหางยกสูง
ขนชนิดขนสั้น ค่อนข้างนุ่มและสั้นทั่วทั้งตัว ชนิดขนยาวจะยาวเป็นพิเศษตรงบริเวณหู อก ลำตัว
สีขนมีหลายสี และสีสม่ำเสมอทั้งตัว แต่อาจจะจางๆเป็นบางส่วน


 
ที่มา :
www.pedigree.co.th / www.petloversclub.com / http://en.wikipedia.org

ภาพประกอบ :
www.dogbreedinfo.com

ร็อตไวเลอร์


ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)

ฉลาด ดุดัน น่าเกรงขาม รักษาความปลอดภัยได้ดี

 
{pic-alt} ลักษณะทั่วไป

ร็อตไวเลอร์ที่อยู่ในอุดมคติควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเจ้านายที่มีวินัยเพื่อทำให้มันเคารพและเชื่อถือ ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลัง โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ แต่จะไม่เป็นดังกล่าวกับเจ้านายหรือผู้คนในครอบครัว


{pic-alt} ความเป็นมา


ร็อตไวเลอร์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์พันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด เนื่องจากที่มีมาตั้งแต่ยุคโรมัน สุนัขเหล่านี้ถูกใช้เป็นสุนัขเฝ้าหรือไล่ต้อนฝูงสัตว์ร็อตไวเลอร์ ต้องเดินข้ามเทือกเขาแอลป์พร้อมกับกองทหารโรมันขนาดใหญ่ เพื่อคอยปกป้องคนและไล่ต้อนฝูงปศุสัตว์ ต้นของศตวรรษที่ 20 ได้มีการนำสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ มาทดสอบเพื่อใช้ในงานของตำรวจและร็อตไวเลอร์ ก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภาระกิจนี้และเพราะฉะนั้นสายพันธุ์นี้จึงได้รับการรับรองให้ใช้เป็นสุนัขตำรวจใน 1910อย่างเป็นทางการ


{pic-alt}

{pic-alt} ลักษณะนิสัย

ร็อตไวเลอร์เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเพื่อดูแลความปลอดภัย และเป็นสุนัขใช้งานที่มีความมั่นใจ หนักแน่น และปราศจากความกลัวแต่ ต้องสอนให้ ร็อตไวเลอร์รู้สถานะของตัวเขาในครอบครัวปกติจะอดกลั้นกับเด็ก ได้ดีแต่พ่อแม่จำเป็นต้องแน่ใจว่าสอนให้ลูกๆ ปฏิบัติกับสุนัขอย่างเหมาะสมเช่นกัน และอยู่ด้วยทุกครั้งที่มีการฝึกสอนสุนัข


{pic-alt} การดูแล


เช่นเดียวกับสุนัขใช้งานพันธุ์อื่นๆ รอตต์ไวเลอร์ ต้องได้รับการแนะนำและฝึกฝนอย่างเคร่งครัดสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกเขาให้เข้าสังคมด้วย โดยให้ปฎิบัติเป็นประจำตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขในบรรยากาศที่ไม่เคร่งเครียด นี่เป็นสิ่งจำเป็นถ้าคุณต้องการให้เขาโตขึ้นเป็นสุนัขที่รู้จักปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ แม้จะจำเป็นต้องฝึกตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อยและคอยย้ำอย่างสม่าเสมอ คุณก็ไม่ควรทำให้บรรยากาศการฝึก เครียดเกินไป รอตต์ไวเลอร์ เป็นสุนัขที่โตเร็วดังนั้นมีแนวโน้มที่จะ มีปัญหาเรื่อง โรคข้อสะโพกอักเสบและการอักเสบ ของกระดูก


{pic-alt}

{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


ผู้เลี้ยงที่เหมาะสมกับรอตต์ไวเลอร์ต้องเป็นคนที่กระฉับกระเฉงสักหน่อย เข้าใจพฤติกรรมสุนัขหรือไม่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ ควรเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ และเข้าใจความสำคัญของการพาสุนัขเข้าสังคมและฝึกฝนตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขเล็กเลยที่เดียว


{pic-alt}

{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์


ขนาด-
ศรีษะความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว
ฟัน-
ปาก-
ตา-
หู-
จมูก-
คอ-
อก-
ลำตัวระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง
เอว-
ขาหน้า-
ขาหลัง-
หาง-
ขนขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ
สีขนต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น




ภาพประกอบ :
http://en.wikipedia.org
http://www.wcrotts.com/rottweiler-astor-v-junipera.htm
http://rottweilerdogs.blogspot.com/
http://www.vomlowenherzigrottweilers.com/maik-von-der-frankentanne.html

ชาเป่ย

ชาเป่ย (Sharpei)

สุขุม ซื้อสัตย์ และน่ารัก

 
{pic-alt} ลักษณะทั่วไป

ชาเป่ยเป็นสุนัขขนาดกลาง รูปร่างคล้ายกับฮิปโปโปเตมัส ขนสั้น ลักษณะภายนอกที่เห็นแล้วระบุได้ชัดเจนว่า “เจ้าคือชาเป่ย” ก็คือหนังยับๆย่นๆ ปกคลุมบริเวณส่วนศีรษะและลำคอ แต่รอบย่นพวกนี้จะหายไปเมื่อมีอายุมากขึ้น


{pic-alt} ความเป็นมา


ชาเป่ยเป็นสุนัขพื้นเมืองสายพันธุ์เก่าแก่ที่มีต้นกำเนิดมาจาก มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่น


{pic-alt}

{pic-alt} ลักษณะนิสัย


   ชาเป่ยเป็นสุนัขที่ฉลาดและค่อนข้างมีมาดพอสมควร ดูสุขุม นิ่งๆ ไม่ค่อยเป็นทั้งมิตรกับคนแปลกหน้าและสุนัขตัวอื่นๆ แต่มีความซื่อสัตย์กับเจ้าของสุดๆ และที่สำคัญชาเป่ยมีความสามารถในการเฝ้าบ้านเป็นอย่างมาก เชื่อฟังคำสั่งและชอบประจบเจ้าของ ไม่ชอบใช้ความรุนแรงหรือคอยหาเรื่องกับสุนัขตัวอื่น แต่จะสู้ไม่ถอยเมื่อโดนรังแก


{pic-alt} การดูแล


ในเรื่องของการให้อาหารนั้น ผู้เลี้ยงควรให้อาหารที่มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วนและสมดุล หลีกเลี่ยงอาหารที่ผสมสีสังเคราะห์ (ไม่ใช่สีผสมอาหาร) วัตถุกันเสียและเนื้อแดง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวโพดและถั่วเหลือง เพราะอาจทำให้เกิดภูมิแพ้ได้

ส่วนในเรื่องของความสะอาดนั้น สุนัขชาเป่ยเป็นสุนัขที่ต้องการความสะอาดเป็นอย่างมาก เพราะชาเป่ยมีเหงื่อเยอะต้องหมั่นอาบน้ำให้สะอาดอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องการสะสมสิ่งสกปรกในหูที่จะทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวกการที่จะเลี้ยงสุนัขชาเป่ยให้มีสุขภาพดีได้นั้น ผู้เลี้ยงจะต้องพาไปฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิ ดูแลเรื่องเห็บหมัดอย่างสม่ำเสมอค่ะ


{pic-alt}


{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


สุนัขชาเป่ยเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่ต้องการสุนัขที่ซื่อสัตย์กับเจ้านายเพียงคนเดียว ทั้งนี้ผู้เลี้ยงจะต้องเข้าใจอุปนิสัยของสุนัข ต้องมีเวลาในการดูแลเรื่องของความสะอาด และต้องเข้าใจถึงการแสดงออกของสุนัขด้วย


{pic-alt} ข้อควรจำ


ชาเป่ยเป็นสุนัขที่มีน้ำลายเยอะมาก ดังนั้นต้องทำใจไว้ก่อนว่าจะเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านจะต้องเต็มไปด้วยน้ำลายของชาเป่ย



{pic-alt}


{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดสูงประมาณ 18-20 นิ้ว หนัก 22.5 - 30 กิโลกรัม
ศรีษะหัวค่อนข้างโต แต่ไม่มากเกินไป บริเวณหน้าผากมีรอยย่นชัดเจน
ฟันมีความแข็งแรง ขบแบบกรรไกร
ปาก-
ตาดวงตาคล้ายเมล็ดอัลมอลต์ แววตาดูเศร้าหม่นๆ สีนัยน์ตาจางๆ
หูหูมีลักษณะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมและพับลง
จมูก-
คอลำคอมีความยาวพอดีสมส่วนกับลำตัว มีรอยยับย่นรอบลำคอ
อก-
ลำตัว-
เอว-
ขาหน้า-
ขาหลัง-
หางหางตั้งสูง
ขนขนดกและสั้นมาก
สีขนมีเกือบทุกสี

 
ที่มา :
http://th.wikipedia.org / www.pedigree.co.th

ภาพประกอบ :
en.wikipedia.org/wiki/Shar_Pei
www.straysanatomy.com/index.php/shar-pei.htm
puppydogweb.com l

ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์

ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ตัวใหญ่ ใจดี อ่อนโยน ฉลาด

{pic-alt} ลักษณะทั่วไป
เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่จัดอยู่ในกลุ่ม sporting group เนื่องจากต้นกำเนิดเป็นสุนัขที่ใช้ในการล่าและจับสัตว์ พื้นฐานโครงสร้างจึงเป็นสุนัขที่มีความแข็งแรง ทรงตัวได้ดี สามรถทนต่อสภาวะที่ปรวนแปรได้ดี ดูใจดีมีความฉลาด และสง่างาม

 {pic-alt} ความเป็นมา

สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นี้มีต้นกำเนิดในรัฐนิวฟาวด์แลนด์ประเทศแคนาดา โดยใช้ช่วยงานชาวประมงในการลากอวนเข้าฝั่ง ปีที่กำเนิดประมาณ ค.ศ. 1800 และต่อมาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สุนัขต้นสายพันธุ์ลาบราดอร์ได้ถูกนำจากนิวฟาวด์แลนด์มาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีสีดำ ขนสั้นทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่มีการเก็บค่าภาษีสุนัขที่แพงมาก ประกอบกับกฏระเบียบที่เข้มงวดของอังกฤษทำให้การนำเข้าสุนัขพันธุ์นี้ไปยังอังกฤษต้องหยุดชะงักลง เมื่อความต้องการลดน้อยลงคนจึงเลิกเพาะ จนมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่โดยผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขในกลุ่มรีทรีฟเวอร์ในปี ค.ศ. 1903 จะเห็นได้ว่าเดิมสุนัขพันธุ์นี้มีแต่สีดำ แต่หลังจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ในภายหลังทำให้เกิดสีเหลืองตามมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์ หรือแม้จะเป็นสีช็อคก็ได้รับความนิยม

ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้นอกจากจะใช้งานในการล่าสัตว์แล้ว ยังใช้ในการตรวจค้นหายาเสพติด ระเบิด และช่วยนำทางให้กับผู้พิการทางสายตาอีกด้วย


{pic-alt}

{pic-alt} ลักษณะนิสัย


สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กประกอบกับการที่เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีเนื่องจากมีเสียงเห่าทุ้มและ หนักแน่น เป็นที่น่าเกรงขามเพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก สามารถฝึกความสามารถพิเศษอื่นๆ ได้มากมาย เช่น ใช้เป็นสุนัขค้นหาผู้ประสบภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ง่าย


{pic-alt} การดูแล


สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ ในฤดูร้อนก็ควรมีพื้นที่มีร่มเงาสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ด้วย เช่นเดียวกับสุนัขทั่วไป พวกเขาจะมีความสุขมากกว่าหากมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง สำหรับสุนัขที่โตแล้ว ควรให้เขาเดินได้วันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง ในขณะที่สำหรับลูกสุนัข จะใช้เวลาในการเล่นทั้งวัน สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้บ้านของคุณควรมีบริเวณสนามหลังบ้าน ไว้ให้พวกเขาได้วิ่งเล่น และพวกเขายังเป็นจอมเคี้ยวและจอมขุดตัวยงอีกด้วย ถ้าคุณอยากให้สวนของคุณ สวยเหมือนเดิม ให้เตรียมกั้นรั้วไว้ว่าบริเวณไหนที่คุณจะอนุญาติให้เขาเล่นได้ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของสุนัข


{pic-alt}

{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

ลูกสุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ จะร่าเริงและควบคุมได้ยากสำหรับสมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ และเจ้าของสุนัขพันธุ์ควรมีสนามหลังบ้านซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดอีกด้วย


{pic-alt} ข้อควรจำ

ผู้เพาะพันธุ์ซึ่งเอาใส่ใจ จะพาสุนัขไปตรวจสุขภาพประจำปี และเอกซ์เรย์เพื่อตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องโรค กระดูกข้อสะโพกหลุดหรือกระดูกอ่อนหรือไม่ การตรวจพบตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก จะทำให้รักษาได้ผลดีกว่า


{pic-alt}


{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดตัวผู้สูง 22.5-24.5 นิ้ว หนัก 60-75 ปอนด์ ตัวเมียสูง 21.5-23.5 นิ้ว น้ำหนัก 55-70 ปอนด์ (ส่วนสูงถึงหัวไหล่ และน้ำหนักโดยประมาณ 25-34 กิโลกรัม)
ศรีษะกะโหลกใหญ่กว้าง สันจมูกมี STOP ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย
ฟันฟันต้องสบกันพอดี โดยฟันล่างสัมผัสด้านในของฟันบน
ปาก-
ตาตามีแววที่เป็นมิตร มีขนาดปานกลางไม่โปนหรือบุ๋มลึกเข้าไป มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
หูหูจะปรกด้านข้างของหัว มีขนาดพอดี ถ้าดึงปลายหูมาด้านหน้าจะยาวระดับตา
จมูกจมูกใหญ่และกว้าง มีสีดำสนิทหรือสีน้ำตาล (ขึ้อยู่กับสีขน)
คอ-
อก-
ลำตัวคอยาวเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นลักษณะของสุนัขที่ใช้ในเกมกีฬา เส้นหลังตรง ลำตัวสั้น ช่วงอกกว้างหนา กระดูกซี่โครงค่อนข้างกลม
เอว-
ขาหน้าขาหน้าเหยียดตรงแข็งแรง อุ้งเท้าหนา นิ้วเท้าโค้งมาก ขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
ขาหลังขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
หางส่วนโคนหางมีขนาดใหญ่ กลม หนา เรียวไปยังส่วนปลาย ไม่มีพู่หาง หางคล้ายหางของนาก
ขนขนสั้น เหยียดตรงและหนา มีขนสองชั้น ขนเรียบ มีสามสี สีดำสนิท สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเหลืองหรือครีมจาง
สีขน-



 
ภาพประกอบ :
http://en.wikipedia.org

ผู้จัดทำ


 
 

1. นางสาวรุจิกาญจน์ อสิพงษ์ นั กเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4/4


 

2. นางสาวสุกัญญา พรหมลา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4/4

โดเบอร์แมน

โดเบอร์แมน (Doberman Pinscher)

มาดเท่ แข็งแรง สง่างาม

 

{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


โครงร่างสง่างาม กล้ามเนื้อเห็นชัดเจน รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส สังเกตุได้จากความสูงจากหัวไหล่ถึงปลายเท้าหน้าเท่ากับความยาวจากหน้าอกถึงบั้นท้าย หัวยาวเรียว กะโหลกด้านบนแบน โคนหูอยู่สูง ใบหูค่อนข้างเล็ก ตามธรรมชาติหูจะปรกลง แต่ถ้าได้รับการตัดแต่งหูจะต้องตั้งตรงได้สัดส่วนกับความยาวของส่วนหัว และตัดหางให้มันดูสง่าขึ้น คอยาวพอดี ตั้งตรงได้สัดส่วนกับลำตัว ความลึกของหน้าอกต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของความสูงทั้งหมด โคนขาใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ


{pic-alt} ความเป็นมา

โดเบอร์แมน หรือ โดเบอร์แมนน์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนีในศตวรรษที่ 19 นายฮอร์ ลูอิส โดเบอร์แมนน์ อาศัยย่ในเมืองอพอลโด(เยอรมันตะวันออก)ในอาณาจักรของเธอริงเจนเขารับราชการเป็นผู้เก็บภาษีที่มีสุนัขคอยดินตามปกป้องเขา นายฮอร์โดเบอร์แมนน์ต้องการสุนัขเฝ้ายามที่ปราศจากความกลัวจึงเริ่มต้นคัดเลือกสุนัขเพื่อทำการเพาะพันธุ์ให้ได้สุนัขตามที่เขาต้องการ ไม่มีใครรู้แน่ว่าเขาผสมโดยใช้สายันธุ์ใดบ้างแต่ได้ยินว่าอาจเป็นเกรตเดน เยอรมันเชพเพิร์ดสายดั้งเดิมไม่ใช่เยอรมัน เชพเพิร์ดที่เรารู้จักในปัจจุบัน) ไวมาราเนอร์ แมนเชสเตอร์เทอร์เรีย์เกรยฮาวนด์และพันธุ์อื่นๆ อีกมากมายลอดชีวิต60 ปีกับการผสมข้ามสายพันธุ์นายเฮอร์โดเบอร์แมนน์ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการคัดเลือกสายพันธุ์เพื่อใช้เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ต้องการหน่วยเมริกันมารีนส์รู้จักโดเบอร์แมน กันในนาม"สุนัขปีศาจ"และใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแปซิฟิค โดยถูกนำขึ้นฝั่งพร้อมกับทหารเรือเพื่อไล่ล่าศัตรู


{pic-alt}

{pic-alt} ลักษณะนิสัย

โดยทั่วไปแล้วธรรมชาติของ โดเบอร์แมน เป็นสุนัขที่ไว้ใจได้และเป็นเพื่อนที่ภักดีกับเจ้าของ นิสัยสุภาพ แต่แข็งแรงและอึดเท่าที่คุณใส่ใจฝึกฝนเขาเป็นเพื่อนเล่นที่ดีกับเด็กใน"ครอบครัว" เท่านั้น เขาจะชอบร่วมกิจกรรมต่างๆของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นที่โต๊ะอาหารหรือจะขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยความจริงแล้วเขาอาจลืมไปนึกว่าตัวเองก็เป็นคนด้วย แม้จะรักและเชื่อฟังเจ้าของโดเบอร์แมน ก็สามารถวางปึ่งทำเหมือนไม่สนใจเราได้เช่นกันอย่างไรก็ตามในภาวะปรกติแล้วไม่ควรแสดงอาการฉุนเฉียวหรือก้าวร้าวแต่ถ้ามีอาการเหล่านี้ก็ไม่น่าไว้ใจและอาจแสดงนิสัยที่ไม่ดีเหล่านี้เวลาเครียดได้


{pic-alt} การดูแล

โดเบอร์แมน เป็นสุนัขขนาดใหญ่ ร่าเริงฉลาดคุณต้องตั้งใจพาเขาไปออกกำลังกายและใส่ใจความต้องการของเขาคนทีคิดจะเลี้ยงโดเบอร์แมนควรมีเวลาพาเขาไปออกกำลังกายและฝึกฝนเขาเป็นประจำทุกวัน ถ้าอยากให้เขาอยู่กับเราอย่างมีความสุข เราจำเป็นต้องสอนเขาให้เชื่อฟังคำสั่งและอยู่ในการ ควบคุมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเพียงขั้นพื้นฐาน หรือขั้น สูงสุดจนได้รับใบประกาศ ทั้งคุณและสุนัขของคุณมี ความสุข และได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้โดเบอร์แมน ต้องเลี้ยงในบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ


{pic-alt}

{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


ผู้เลี้ยงทุกคนที่มีเวลาพาสุนัขไปฝึกฝน พาเข้าสังคมและพาไปออกกำลังกายได้


{pic-alt} ข้อควรจำ


เพราะว่า โดเบอร์แมน ถูกเพาะพันธุ์เป็นสุนัขใช้งาน สภาพจิตใจและความพร้อมในการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับ ความสามารถในการปฎิบัติตามคำสั่ง การประเมินความสามารถในการทำงาน (Working Aptitude Evaluation) มีจุดมุ่งหมายเพื่อทดสอบสุนัขว่าเหมาะกับลักษณะงานหรือไม่ เหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน หรือเป็นผู้คุ้มกันเรา

{pic-alt}

{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดสูง 65 - 69 ซม. หนัก 20 - 26 กก.
ศรีษะส่วนหัวยาว
ฟันฟันคม แข็งแรง
ปากปากยาว
ตา-
หูธรรมชาติใบหูตกแต่นิยมถูกตัดแต่ง ให้หูตั้ง
จมูก-
คอ-
อก-
ลำตัว-
เอว-
ขาหน้า-
ขาหลัง-
หางส่วนใหญ่จะตัดหาง
ขนขนนุ่มสั้นมันวาว
สีขนขนสีดำอาจมีสีน้ำตาลบ้าง



ภาพประกอบ :
http://en.wikipedia.org